ในโลกที่เราทุกคนต้องเผชิญกับการใช้หน้าจอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต ตาแห้งกลายเป็นปัญหาที่ค่อนข้างแพร่หลายและอาจทำให้หลายคนมองข้าม แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือว่า การตาแห้ง อาจเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงและส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมามากกว่าที่คิด!
ความอันตรายของการตาแห้ง
1. อะไรคืออาการตาแห้ง?
ตาแห้ง (Dry Eye) เกิดขึ้นเมื่อดวงตาของคุณไม่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอจากน้ำตา น้ำตาทำหน้าที่สำคัญในการหล่อลื่นและปกป้องดวงตาจากสิ่งสกปรกและเชื้อโรค หากไม่มีน้ำตาหรือหากน้ำตาที่ผลิตไม่เพียงพอหรือไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจทำให้เกิดอาการตาแห้ง เช่น รู้สึกแสบตา คันตา หรือการมองเห็นที่เบลอ
2. สาเหตุของการตาแห้ง
สาเหตุหลักๆ ของการตาแห้งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น:
- การใช้จอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน: การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานอาจทำให้กระพริบตาน้อยลง ซึ่งจะทำให้น้ำตาหมดไปเร็วขึ้น
- อายุ: เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น การผลิตน้ำตาจะลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง
- โรคประจำตัว: เช่น โรคเอสแอลเอ (Sjögren’s syndrome), เบาหวาน หรืออาการทางระบบภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตา
การใช้ยาบางชนิด: ยาบางประเภท เช่น ยากลุ่มแอนตี้ฮิสตามีน (Antihistamines) หรือยากดภูมิคุ้มกัน อาจทำให้การผลิตน้ำตาลดลง
3. อันตรายจากตาแห้ง
อาการตาแห้งอาจดูเหมือนเป็นเพียงแค่ปัญหาที่ไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา อาจเกิดปัญหาสุขภาพดวงตาที่ร้ายแรงขึ้น ดังนี้:
3.1 การติดเชื้อที่ตา
น้ำตาทำหน้าที่ปกป้องดวงตาจากเชื้อโรค หากดวงตาของคุณขาดน้ำตา การป้องกันจากเชื้อโรคต่างๆ จะลดลง ส่งผลให้ตาเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกรณีของ ตาแดง หรือ กระจกตาอักเสบ (Corneal Ulcers)
3.2 อาการแสบตาและระคายเคือง
การขาดความชุ่มชื้นจากน้ำตาจะทำให้ดวงตามีอาการแสบ คัน และรู้สึกไม่สบายตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้การมองเห็นผิดปกติและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
3.3 ทำให้การมองเห็นแย่ลง
ในบางกรณีที่การตาแห้งรุนแรงขึ้น อาจทำให้การมองเห็นเบลอหรือมีภาพซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งการมีปัญหาในการมองเห็นอาจเป็นอันตรายโดยเฉพาะในขณะขับรถหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้การมองเห็นที่ชัดเจน
3.4 การพัฒนาของปัญหาดวงตาอื่นๆ
การตาแห้งที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นปัญหาที่รุนแรงกว่า เช่น ภาวะกระจกตาเสื่อม หรือการเกิดแผลในกระจกตา ซึ่งอาจทำให้การมองเห็นถาวรลดลงหรือในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัด
4. วิธีการป้องกันและรักษาการตาแห้ง
แม้ว่าอาการตาแห้งจะเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม แต่การรักษาและป้องกันอาการนี้ไม่ใช่เรื่องยาก นี่คือวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการตาแห้ง:
4.1 การพักสายตา
หากคุณต้องใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ควรทำการ พักสายตา ทุก 20 นาที โดยการมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต (6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อให้ตาได้พักและกระพริบตาเพิ่มขึ้น
4.2 ใช้น้ำตาเทียม
น้ำตาเทียมสามารถใช้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในการบรรเทาอาการตาแห้ง แต่ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันบูดเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
4.3 เพิ่มความชื้นในอากาศ
การใช้เครื่องปรับอากาศในห้องที่มีความร้อนหรือแห้งเกินไปอาจทำให้ตาแห้งยิ่งขึ้น การใช้เครื่องทำความชื้นในห้องจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับอากาศ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้
4.4 ตรวจสอบการใช้ยาหรือโรคประจำตัว
หากคุณมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิดที่อาจทำให้ตาแห้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาหรือการปรับเปลี่ยนยา
สรุป
แม้ว่าอาการตาแห้งอาจเริ่มต้นจากปัญหาที่ไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยไว้นานๆ โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพดวงตาที่รุนแรงและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ การดูแลดวงตาและให้ความสำคัญกับการรักษาตาแห้งในช่วงแรกๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณยังคงสุขภาพดีและพร้อมสำหรับการใช้งานในระยะยาวครับ
เพราะฉะนั้นใครที่โดนลมเยอะๆ หรือเจออาการตาแห้ง ก็อย่าลืมหยอดน้ำตาเทียม หรือใส่แว่นป้องกันดวงตาของเราไว้ด้วยนะครับ ก่อนที่จะมีผลกระทบที่มากกว่าการตาแห้งตามมา
- ไม่มีเลขอั้น ยกเลิกฟรี อัตราจ่ายสูง และผ่านการรับรองจากอเมริกา และอังกฤษ เรียบร้อยครับ